lcp

การลดความอ้วน (ตอนที่ 2. โภชนาการและอาหาร)

viewbox

การลดความอ้วน (ตอนที่ 2. โภชนาการเพื่อลดน้ำหนัก)   
    
การปรับโภชนาการ

เป้าหมายสำคัญของการปรับโภชนาการ คือการมุ่งรักษาดุลพลังงานที่ได้จากอาหาร (แคลอรี่) ให้เป็นลบไว้ทุกวัน หมายถึงให้แคลอรี่จากอาหารที่กินเข้าไปมีปริมาณต่ำกว่าแคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญออกไปใช้ในแต่ละวัน ซึ่งพิจารณาแยกเป็นสองส่วนคือ ขาเข้า และขาออก

1. ขาเข้า    
กำหนดตัวเลขแคลอรี่เป้าหมาย ยิ่งกำหนดไว้ต่ำ ยิ่งลดน้ำหนักได้มาก แต่ก็ยิ่งทำยาก เช่น

  • สูตรแคลอรี่ปกติ กำหนดเป้าหมาย วันละ 1200 แคลอรี่
  • สูตรแคลอรี่ต่ำปานกลาง กำหนดเป้าหมาย วันละ 800-1200 แคลอรี่
  • สูตรแคลอรี่ต่ำมาก กำหนดเป้าหมาย วันละ 800 แคลอรี่ การกำหนดแคลอรี่ต่ำกว่านี้ไม่มีหลักฐานว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้มากขึ้นอีก และควรหลีกเลี่ยงการอดอาหารแบบเข้มงวด คืออดจนต่ำกว่า 200 แคลอรี่ต่อวัน เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดภาวะคีโตนคั่งจากการขาดอาหารซึ่งเป็นอันตรายได้

2. ขาออก คำนวณเฉพาะแคลอรี่ส่วนที่ร่างกายเผาผลาญได้ขณะพัก (BMR) ซึ่งแปรผันตามน้ำหนักตัวในสัดส่วน 22 แคลอรี่ต่อกก.

เช่น น้ำหนักตัว 80 กก. ก็จะมีแคลอรี่ขาออก = 80 x 22 = 1,760 แคลอรี่ ทั้งนี้ไม่นับรวมส่วนที่เผาผลาญเพิ่มเติม เช่น การออกกำลังกายนอกเหนือจากกิจกรรมประจำวัน เป็นต้น จะเห็นว่ายิ่งน้ำหนักตัวลดลงมากเท่าไร ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยลงเท่านั้น ทำให้การลดน้ำหนักช่วงปลายยากกว่าช่วงต้น นอกจากนี้ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญได้จะลดลงอีก 10 แคลอรี่ต่อคนต่ออายุที่เพิ่มขึ้น 1 ปี ทำให้ผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเกิดแคลอรี่เกินมากยิ่งขึ้นทุกปีถ้าไม่ปรับลดแคลอรี่ในอาหารลงหรือไม่ปรับเพิ่มการออกกำลังกาย

ขั้นตอนปฏิบัติสำหรับการควบคุมแคลอรี่ขาเข้า

ขั้นที่ 1. กำหนดแคลอรี่เป้าหมาย โดยปกติแนะนำว่าไม่ควรต่ำกว่า 800 แคลอรี่ต่อวัน มิฉะนั้นอาจจะทำไม่ได้ แต่ไม่ควรเกิน 1,200 แคลอรี่ต่อวัน เพราะจะทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล

ขั้นที่ 2. หัดประเมินแคลอรี่ ที่มีอยู่ในอาหารที่ตัวเราเองทานอยู่ประจำในแต่ละวันจนเป็นนิสัย โดยอาจจะประเมินอย่างง่าย ๆ เช่นหัดดูจากฉลากอาหาร หรือเปิดดูตารางวิเคราะห์อาหารของกองโภชนาการ กรมอนามัย ซึ่งผมตัดย่อบางส่วนที่จะใช้บ่อยมาแปะไว้ข้างท้ายนี้ โดยข้อมูลของกองโภชนาการจะวิเคราะห์แคลอรี่จากอาหารเฉพาะส่วนที่กินได้ปริมาณ 100 กรัม 

  1. หลักที่จะช่วยให้การประเมินแคลอรี่จากอาหารง่ายขึ้น ดังนี้
  2. ต้องหัดกะประมาณน้ำหนัก 1 กรัม ซึ่งประมาณเท่ากับปริมาตร 1 ซีซี. คือกว้าง 1 ซม. ยาว 1 ซม. สูง 1 ซม. ถ้าเป็นของเหลว หนึ่งช้อนชาจะตักได้ 5 ซีซี.หรือประมาณ 5 กรัม หนึ่งช้อนโต๊ะจะตักได้ 15 ซีซี.หรือประมาณ 15 กรัม 
  3. เนื้อสัตว์ทุกชนิด ถ้าไม่มีมันและไม่มีกระดูก หนึ่งชิ้นที่หนัก 100 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 150 แคลอรี่ และให้โปรตีน 20% (20 กรัม) 
  4. ข้าวสวย 100 กรัม (ประมาณ 7 ช้อน) ให้พลังงานประมาณ 140 แคลอรี่  
  5. ขนมหวาน 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 แคลอรี่ แต่ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณน้ำที่มีในขนมด้วย ขนมที่มีน้ำน้อยจะให้พลังงานสูงมากขึ้น   
  6. ผลไม้ที่มีน้ำมากเช่น แตงโม ชมพู่ จะให้พลังงานประมาณ 20 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ผลไม้ที่เนื้อแน่นแต่ไม่หวานมากเช่นฝรั่ง มะม่วงดิบ ส้ม ให้พลังงานประมาณ 50 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ขณะที่ผลไม้สุกที่รสหวานหรือมันเช่นกล้วย ทุเรียน จะให้พลังงานประมาณ 150 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม ซึ่งประมาณเท่ากับแคลอรี่ที่ได้จากข้าวสวย 
  7. ผักเกือบทุกชนิด ให้แคลอรี่ประมาณ 20 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม   
  8. อาหารที่ปรุงด้วยการผัดหรือทอด จะมีแคลอรี่เพิ่มจากน้ำมันที่ใช้ทอดอีกประมาณ 250 แคลอรี่ต่อเนื้ออาหาร 100 กรัม   
  9. ฝึกอ่านฉลากอาหารสำเร็จรูปที่ให้รู้ว่าในหนึ่งซองหรือหนึ่งกระป๋องที่ซื้อมามีกี่หน่วยบริโภค (เสิร์ฟวิ่ง) ในแต่หน่วยบริโภคให้กี่แคลอรี่

ขั้นที่ 3. ทำไดอารี่บันทึกอาหารที่เราทานใน 1 วัน และทำการคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ

ขั้นที่ 4. วิเคราะห์อาหารที่ทานอยู่ในปัจจุบัน

การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของอาหาร มีประเด็นสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ 4 ประเด็น ดังนี้

  1. ปริมาณแคลอรี่พอดีหรือมากเกินไป ถ้ามากเกินไป แคลอรี่ส่วนใหญ่มาจากอาหารใด    
     
  2. ปริมาณผักและผลไม้มากพอที่จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่พอเพียงหรือไม่ ทั้งนี้ถือว่ามากพอถ้าร่างกายได้รับผักและผลไม้รวมกันวันละ 5 เสิร์ฟวิ่งขึ้นไป    
     
  3. ปริมาณโปรตีนที่ร่างกายได้รับมากพอหรือไม่ มาตรฐาน WHO แนะนำว่าคนปกติควรได้รับโปรตีนไม่น้อยกว่า 0.45 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. โดยตามมาตรฐาน US-RDA แนะนำว่าไม่ควรทานโปรตีนมากเกิน 0.8 กรัมต่อกก.    
     
  4. ปริมาณโซเดียมหรือเกลือมากเกินไปหรือไม่ มาตรฐาน US-RDA แนะนำว่าคนทั่วไปไม่ควรทานโซเดียมมากกว่าวันละ 1.5 กรัม 

ขั้นที่ 5. กำหนดอาหารสำหรับตนเองขึ้นมา

การกำหนดอาหาร คือ การจัดทำเมนูอาหารของเราขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็จะมีหน้าตาคล้ายๆ กับไดอารี่บันทึกอาหารที่เราทำไปแล้ว เพียงแต่ว่ารายละเอียดของอาหารที่เราตั้งใจจะรับประทานเปลี่ยนไป

ตัวอย่างการปรับโภชนาการ   
นส. สุดสวย ผู้มีส่วนสูง 155 ซม. และอยากลดน้ำหนักให้เหลือสัก 55 กก. (ไม่ได้บอกน้ำหนักปัจจุบัน)   
ทำการปรับโภชนาการโดย

ขั้นที่ 1. นส.สุดสวย ทำการกำหนดเป้าหมายของการปรับโภชนาการ ในที่นี้ คือ 1,200 แคลอรี่ต่อวัน   
ขั้นที่ 2. นส.สุดสวย ต้องหัดประเมินแคลอรี่ ที่มีอยู่ในอาหารที่ตัวเองทานอยู่ประจำในแต่ละวัน   
ขั้นที่ 3. ทำไดอารี่บันทึกอาหารที่ทานใน 1 วัน และคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ

วันที่ 1 พย. 53

เวลารายการอาหารปริมาณแคลอรี่
8.00กาแฟ ใส่ครีมเทียม 1 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน3+20+32 = 55
 คุ้กกี้ 3 ชิ้น (ชิ้นละ 1 ออนซ์)402
10.00กาแฟ 1 ถ้วยเล็ก55
10.00กล้วยแขก 4 ชิ้น 100 กรัม326
12.00ข้าวผัดหมูใส่ไข่ 300 กรัม534
 น้ำอัดลม 1 กระป๋อง 8 ออนซ์105
12.00บัวลอยเผือก 150 กรัม228
16.00ฝรั่งสับหนึ่งลูก 100 กรัม50
18.00ข้าวราดหน้าไก่กะเพรา 300 กรัม573
  เค้กชอกโกแล็ต 2 ออนซ์208
 น้ำอัดลมกระป๋องเล็ก 8 ออนซ์105
 รวมทั้งวัน2,641

ขั้นที่ 4. วิเคราะห์อาหารที่ทานอยู่ในปัจจุบัน

ปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับรวม 2,641 แคลอรี่ต่อวัน แต่กำหนดเป้าหมายไว้เพียง 1,200 แคลอรี่ ดังนั้นจึงมีแคลอรี่ส่วนเกินวันละ 1,441 แคลอรี่ โดยพบว่าได้รับแคลอรี่จำนวนมากจากน้ำตาล น้ำอัดลม ครีมเทียม คุ้กกี้ เค้ก และน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร   
จำนวนผักผลไม้ทั้งวันต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรได้คือ 5 เสิร์ฟวิ่งอยู่มาก  
ปริมาณโปรตีนที่ได้รับรวม 32 กรัมต่อวัน ซึ่งถือว่าไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป ดังนั้นในแผนอาหารใหม่ ไม่ต้องจงใจเพิ่มหรือลดโปรตีนให้มากเป็นพิเศษ  
การนับปริมาณโซเดียมที่เราได้รับในทางปฏิบัติทำได้ยาก เนื่องจากการนับโซเดียมอย่างละเอียดทำได้วิธีเดียวคือคำนวณจากตารางวิเคราะห์ วิธีที่พอปฏิบัติได้คือการเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม และเลิกนิสัยการเติมน้ำปลาพริก

ขั้นที่ 5. กำหนดอาหารสำหรับตนเองขึ้นมา  

ลดปริมาณแคลอรี่ขาเข้าลง ลดการรับประทานน้ำตาล น้ำอัดลม ไขมันผง (solid fat หรือ trans fat) เช่น ครีมเทียม เค้ก คุ้กกี้ เป็นต้น หลีกเลี่ยงเมนูอาหารที่ผ่านการผัดและทอด เพิ่มผักและผลไม้ขึ้นอีกสักสามเท่าตัว อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีแคลอรี่ส่วนเกินมาก อาจจะต้องตัดปริมาณอาหารที่ไม่ใช่โปรตีนและผักผลไม้ลงอีก เช่นอาจจะต้องเลิกทานข้าวในมื้อเย็น เป็นต้น

แผนกำหนดอาหารใหม่ของนส.สุดสวย

วันที่ 2 พย. 53

เวลารายการอาหารปริมาณแคลอรี่
8.00กาแฟ ไม่ใส่อะไรเลย3
8.00 แอปเปิล 1 ลูก 100 กรัม53
10.00กาแฟ3
10.00 กล้วยหอม 100 กรัม140
12.00ส้มตำ 200 กรัม54
 ไก่ย่างชิ้นโต 2 ชิ้น 100 กรัม150
 ข้าวเหนียว 100 กรัม145
12.00มะละกอและแตงโมหั่น 200 กรัม20
16.00ฝรั่งสับหนึ่งลูก 100 กรัม50
18.00ข้าวสวย 1 ทัพพี 100 กรัม140
 แกงผักกาดจอ 100  กรัม56
 ไข่ตุ๋น 2 ฟอง 150 กรัม320
 มะละกอหั่นจานเล็ก 100 กรัม56
 รวมทั้งวัน1,187

 

ข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ในชีวิตจริงผู้ลดน้ำหนักต้องลองลงมือกำหนดอาหารของตัวเอง ขยันอ่านฉลากอาหาร ขยันเปรียบเทียบ หัดปรุงอาหารเองให้มากที่สุด เลือกซื้ออาหารอย่างพิถีพิถันมากขึ้น จนสามารถสรุปเป็นตารางกำหนดอาหารที่ลงตัวและสอดคล้องกับหลักสี่ประการข้างต้น ที่เอาไว้ใช้กับตัวเองได้

ตารางผนวก: ตัวอย่างผลวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย

กลุ่มที่ 1. ธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญญพืช (Cereals and products)

 

เวลารายการอาหารปริมาณแคลอรี่
01002ก๋วยเตี๋ยว, เส้นเล็ก, เฉพาะเส้นสด, ยังไม่ได้ใส่น้ำ220
01004  ขนมจีน,แป้งสด สุกแล้ว90
01006ขนมปังปอนด์329
01012ข้าวสวย (หุง หรือนึ่งแล้ว)141
01022ข้าวโพด(เหลือง),ต้มสุก117
01034บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพร้อมเครื่องปรุง, รสหมู, ยังไม่ได้ใส่น้ำ454
01038เส้นหมี่เกษตรผสมถั่ว, ยังไม่ใส่น้ำ367

กลุ่มที่ 2. รากและหัวของพืชและผลิตภัณฑ์

เวลารายการอาหารปริมาณแคลอรี่
02002เผือก117
02003มันแกว37
02007มันเทศ97
02008มันฝรั่ง73
02009มันสำปะหลัง137
02010แป้งมันสำปะหลังแห้ง351
02014หัวผักกาด,(ไชเท้า),สด22

กลุ่มที่ 3. ผลไม้เปลือกแข็ง พืชเมล็ด ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์

เวลารายการอาหารปริมาณแคลอรี่
03005งาขาว, คั่ว697
03010งาดำ, คั่ว625
03011เต้าเจี้ยว,ขาว126
03012เต้าหู้ขาว,อ่อน46
03013เต้าหู้เหลือง150
03014เต้าหู้ทอด,เต้าหู้พอง354
03018ถั่วเขียว, ดิบ347
03067วุ้นเส้น แห้ง (จากถั่วเขียว)337
03021ถั่วแดง,ดิบ332
03024ถั่วดำ, ดิบ357
03041ถั่วลิสง538
03047ถั่วเหลือง, ดิบ430
03048นมถั่วเหลือง72
03049แปะก๊วย,เมล็ด,ไม่มีเปลือก191
03050มะพร้าวขูด326
03052เนื้อมะพร้าวอ่อน73
03057เมล็ดถั่วพู, ลวก, ปอกเปลือก309
03062เมล็ดมะม่วงหิมพานต์, ดิบ600
03064ลูกเดือย, ดิบ372

กลุ่มที่ 4. ผักและผลิตภัณฑ์จากผัก

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
04011กะเพราแดง,ใบ46
04012กะหล่ำ,ดอก13
04013กะหล่ำปลี16
04018ข้าวโพดอ่อน33
04022ขิงแก่28
04030แครอท42
04050ตำลึง,ใบ,ยอดอ่อน39
04052แตงกวา15
04057ถั่วงอก39
04060ถั่วฝักยาว39
04062ถั่วพู, ฝักอ่อน23
04070ผลน้ำเต้า17
04075บร็อคโคลี่33
04076บวบงู16
040977ผักกาดขาว11
04111ผักคะน้า31
04125ผักบุ้งขาว27
113     พริกหนุ่ม11
114     พริกหยวก27
116     พริกหวาน, พริกยักษ์55
119     ฟักทอง เนื้อ124
131     มะเขือเทศ22
143     มะละกอดิบ ผลยาว13
162      หน่อไม้ไผ่ตง27
172     เห็ดฟาง (เห็ดบัว)43

กลุ่มที่ 5. ผลไม้และผลิตภัณฑ์จากผลไม้

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
05004กล้วยหอม132
05006ขนุนละมุด117
05008เงาะโรงเรียน76
05014ชมพู่เมืองเพชร28
05017แตงไทย, สุก13
05018แตงโม, สุก8
05023ทุเรียนหมอนทอง163
05026ฝรั่ง, กลมสาลี่43
05037มะขามหวาน333
05043มะม่วงเขียวเสวย, ดิบ61
05045มะม่วงเขียวเสวยสุก82
05056มะละกอ, ดิบ24
05057มะละกอ, สุก53
05060มังคุด82
05062ละมุด, ไทย93
05064ลางสาด67
05066ลำใย, กะโหลก77
05068ลิ้นจี่57
05074ส้ม, เขียวหวาน42
05075ส้มโอ, ทองดี44
           แอปเปิล53

กลุ่มที่ 6. เนื้อสัตว์

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
06001เนื้อไก่สด165
06017แคบหมู (มีมัน)626
06021เนื้อวัวสด134
06023เนื้อวัวติดมันทอด412
06030เนื้อหมูสด108
06032มันหมูสด714
06033เลือดหมูสุก36
06039ไส้กรอกหมู, ทอด409

กลุ่มที่ 7. อาหารทะเล

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
07002กุ้งกุลาดำ, เนื้อกุ้ง92
07006กุ้งฝอย, สด88
07012ปลากระบอก98
07015ปลาช่อน122
07017ปลาดุก114
07023ปลาทู, สด140
07024ปลาทูน่า, สด110
07025ปลาทูน่า, ในน้ำมัน218
07063หอยแมลงภู่53

กลุ่มที่ 8. ไข่

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
08001ไข่ไก่รวมไข่แดงไข่ขาว 100 กรัม (หนึ่งฟองหนัก 70 กรัม)160
08005ไข่เป็ดรวมไข่แดงไข่ขาว 100 กรัม (หนึ่งฟองหนัก 75 กรัม)186

กลุ่มที่ 9. นมและผลิตภัณฑ์

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
09003 นมข้นหวาน, คืนรูป324
09006นมเปรี้ยว,ยาคูลท์54
09022นมสด,ยูเอชที65
09023นมสด, ยูเอชที, รสหวาน69
09024นมสด, พร่องมันเนย, ยูเอชที42
09028 เนย, ชนิดเค็ม Butter, salted764
09029 เนยแข็ง, เชดาร์340
09030 โยเกิร์ต (yogurt cream)107

กลุ่มที่ 10. อาหารปรุงสำเร็จและอาหารจานเดียว

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
11001กระเพราะปลา, ปรุงสำเร็จ 100 กรัม (1 ถ้วย = 200 กรัม)83
11006ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก, หมู, ตับ, แห้ง 100 กรัมให้แคลอรี่ = (1 จาน = 230 กรัม)227
11004ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย, ใส่ไข่ 100 กรัม (1 จาน = 250 กรัม)239
11010ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่, ราดหน้าหมู 100 กรัม (1 จาน = 310 กรัม)113
11011)ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่, ผัดซีอิ้วใส่ไข่ 100 กรัมให้แคลอรี่ = (1 จาน = 320 กรัม)195
11017แกงเขียวหวานหมู 100 กรัม  93
11022แกงผักกาดจอ, ภาคเหนือ 100 กรัม  56
11025แกงมัสมั่นเนื้อ 100 กรัม  252
11026แกงส้มผักรวมกับปลา 100 กรัม  24
11034แกงอ่อมปลา 100 กรัม  53
11035แกงฮังเล 100 กรัม  221
11037ขนมจีนซาวน้ำ, ภาคกลาง 100 กรัม120
11038ขนมจีนน้ำเงี้ยว, ผักรวม 100 กรัม  84
11049ข้าวคลุกกะปิ 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)209
11051ข้าวผัดหมู, ใส่ไข่ 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)178
11052ข้าวมันไก่ 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)199
11056ข้าวราดหน้าไก่ผัดใบกระเพรา 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)191
11057ข้าวหมกไก่ 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)158
11058ข้าวหมูแดง 100 กรัม (1 จาน = 300 กรัม)169
11081ส้มตำ, อีสาน 100 กรัม28

กลุ่มที่ 12. ขนมหวาน

เลขที่   ชื่ออาหาร (100 กรัม)ปริมาณแคลอรี่
12001กล้วยไข่, เชื่อม241
12002กล้วยแขก326
12005ขนมชั้น276
12007ขนมลูกชุบ284
12013ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ490
12014ข้าวเหนียวมูล285
12015ซ่าหริ่ม162
12017ทองหยอด340
12018ทองหยิบ393
12019บัวลอยเผือก152
12023ลอดช่องน้ำกะทิ133
12024วุ้นกะทิใบเตย133
12025สังขยา, ไข่177