อาหารจากพืชเป็นหลัก แบบออร์แกนิกและไม่ออร์แกนิก
คำว่า“ออร์แกนิก” หมายถึงกระบวนการที่ผลิตทางการเกษตร ที่ปลูกและดูแลโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยสังเคราะห์จากปิโตรเลียม ปุ๋ยที่มีกากตะกอนน้ำเสียและยีนชีวภาพ (GMOs) เป็นต้น
ความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและอาหารจากพืชเป็นหลัก ที่ปลูกในท้องถิ่น มีดังนี้:
| อาหารจากพืชเป็นหลัก แบบออร์แกนิก | อาหารจากพืชเป็นหลัก ปลูกแบบไม่ออร์แกนิก |
| ผลิตโดยใช้ปุ๋ยธรรมชาติเช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเป็นต้น | มีการใช้ปุ๋ยสังเคราะห์หรือเคมี |
| วัชพืชถูกควบคุมโดยธรรมชาติ ด้วยเทคนิคต่างๆเช่นการหมุนเวียนพืช การกำจัดวัชพืชด้วยมือ การคลุมดินและการไถพรวน | วัชพืชถูกจัดการด้วยสารเคมีกำจัดวัชพืช |
| การควบคุมศัตรูพืชทำได้ด้วยเทคนิค / วิธีธรรมชาติเช่น นก แมลง | การกำจัดศัตรูพืช ด้วยสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์ |
อาหารจากพืชเป็นหลักที่ปลูกตามธรรมชาติ ดีอย่างไร
ในอาหารจากพืชเป็นหลักที่ปลูกตามปกติ จะพบว่าระดับของสารกำจัดศัตรูพืชอยู่ในระดับสูงมาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงได้รับสารกำจัดศัตรูพืชสูงเนื่องจากการบริโภคอาหารจากพืชที่ปลูกตามปกติเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น ความบกพร่องแต่กำเนิด ภูมิคุ้มกันต่ำ ปวดศีรษะ ฯลฯ และมีผลการพิสูจน์แล้วว่าการได้รับสารเคมีดังกล่าวเป็นเวลานาน สามารถนำไปสู่มะเร็งในรูปแบบต่างๆ เช่นมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เนื้องอกในสมองเป็นต้น
เด็กและทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการได้รับยาฆ่าแมลงมากที่สุด สารกำจัดศัตรูพืชมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและพัฒนาการของสมองของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังอาจทำให้พัฒนาการล่าช้าความผิดปกติทางพฤติกรรมออทิสติกและความผิดปกติของกลไกในเด็ก สตรีมีครรภ์ก็เสี่ยงต่อการได้รับยาฆ่าแมลง สารเคมีในยาฆ่าแมลงก็สามารถส่งผ่านจากแม่ไปยังทารกในครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน
การล้างและปอกผักและผลไม้ ไม่สามารถช่วยได้:
การล้างหรือผ่านน้ำสามารถลดปริมาณ แต่ไม่สามารถกำจัดยาฆ่าแมลงให้หมดไปได้ การปอกเปลือกอาจช่วยได้ในบางครั้ง แต่ยังพบว่าบางครั้งสารอาหารที่จำเป็นจะสูญหายไปกับการปอกเปลือก ดังนั้นแนวทางที่ดีที่สุดคือการบริโภคอาหารจากพืชที่หลากหลายโดยล้างและขัดผิวให้สะอาดและซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทุกครั้งที่ทำได้
ประโยชน์ของอาหารจากพืชเป็นหลัก แบบออร์แกนิค:
วิธีการปลูกหรือผลิตอาหารของคุณมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณและสิ่งแวดล้อมที่คุณอาศัยอยู่ อาหารออร์แกนิกมีสารอาหาร (เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ) มากกว่าอาหารที่ปลูกทั่วไป
อาหารออร์แกนิกช่วยป้องกันการแพ้อาหาร สารเคมีหรือสารกันบูด
1. อาหารออร์แกนิกไม่ใช้ยาฆ่าแมลง: ในอาหารจากพืชที่ปลูกแบบทั่วไป จะใช้สารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าเชื้อรา สารตกค้างมักจะมีอยู่ในอาหารที่เรารับประทาน
2. อาหารออร์แกนิกสด: อาหารออร์แกนิกไม่ใส่สารกันบูด จึงสดและใกล้ๆ พื้นที่ที่ผลิต
3. ฟาร์มออร์แกนิกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การทำเกษตรแบบออร์แกนิค ช่วยลดมลพิษ ช่วยอนุรักษ์น้ำ ลดการพังทลายของหน้าดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินเป็นต้น การทำฟาร์มที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเป็นผลดีต่อนกสัตว์และผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับฟาร์มดังกล่าว
4. อาหารออร์แกนิกปลอดจีเอ็มโอ: อาหารจากพืชเป็นหลัก ประเภทออร์แกนิกเป็นอาหารจากธรรมชาติ แต่สำหรับพืชผักทั่วไป ปลูกตามปกติโดยใช้วิธี GMOs (สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม) เพื่อให้พืชผลได้รับการดัดแปลงพันธุกรรม DNA ของพืชจะถูกเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านเพื่อให้ทนทานต่อยาฆ่าแมลงเป็นต้น แต่ในอาหารจากพืชออร์แกนิก จะไม่มีการใช้เทคนิคดังกล่าว
5. มีสารอาหารมากขึ้น: อาหารจากพืชออร์แกนิกมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารที่ปลูกตามปกติ
6. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน: อาหารออร์แกนิกอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (สูงกว่าอาหารทั่วไปถึง 69%) เห็นได้ชัดว่าอาหารออร์แกนิกยังอุดมไปด้วยสารอาหารรอง เช่น วิตามินซี สังกะสีและเหล็ก ผลเบอร์รี่และข้าวโพดออร์แกนิกมีสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 58% และวิตามินซีเพิ่มขึ้น 52% พืชออร์แกนิกไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันตัวเอง ดังนั้นจึงมีการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากขึ้น ซึ่งทำหน้าที่เหมือนสารป้องกันตัวเอง
7. ระดับไนเตรตต่ำ: พืชที่ปลูกแบบออร์แกนิกจะมีระดับไนโตรเจนต่ำ เปอร์เซ็นต์ไนโตรเจนในอาหารจากพืชต่ำกว่าพืชผักที่ปลูกตามปกติถึง 30% ระดับไนเตรตสูงอาจก่อให้เกิดมะเร็งประเภทต่างๆ ระดับไนเตรตที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่ methemoglobinemia (โรคในทารกที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการนำออกซิเจนไปใช้)
ผลไม้และผักที่คุณควรซื้อหลังจากตรวจสอบระดับออร์แกนิก ได้แก่
- แอปเปิ้ล
- ลูกพีช
- แตงกวา
- ผักชีฝรั่ง
- มันฝรั่ง
- องุ่น
- สตรอเบอร์รี่
- มะเขือเทศเชอร์รี่
- ผักคะน้า
- คอลลาร์ด (คะน้าฝรั่ง)
- พริกไทย
- พริกหวาน
- ผักโขม
อาหารจากพืชออร์แกนิกมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารมากกว่าอาหารจากพืชทั่วไป การบริโภคอาหารออร์แกนิกยังช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตรายฮอร์โมนและแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตามอาหารออร์แกนิกมีราคาแพงและเน่าเสียได้ง่าย เลือกอาหารจากพืชออร์แกนิกเพื่อสุขภาพที่ดี
Reference:
1. Lawrence Robinson, Jeanne Segal, Ph.D., and Robert Segal, M.A. Last updated: October 2017. Trusted guide to mental & emotional health.
https://www.helpguide.org/articles/healthy-eating/organic-foods.htm Accessed on 3rd Nov’17.
2.Barański M et al. Higher antioxidant and lower cadmium concentrations and lower incidence of pesticide residues in organically grown crops: a systematic literature review and meta-analyses. Br J Nutr. 2014 Sep 14;112(5):794-811.
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24968103
3. Asami DK1, Hong YJ, Barrett DM, Mitchell AE. Comparison of the total phenolic and ascorbic acid content of freeze-dried and air-dried marionberry, strawberry, and corn grown using conventional, organic, and sustainable agricultural practices. J Agric Food Chem. 2003 Feb 26;51(5):1237-41
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12590461
4. Hunter D et al. Evaluation of the micronutrient composition of plant foods produced by organic and conventional agricultural methods.Crit Rev Food Sci Nutr. 2011 Jul;51(6):571-82
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21929333
6.K. Brandt,C. Leifert,R. Sanderson &C. J. Seal. Agroecosystem Management and Nutritional Quality of Plant Foods: The Case of Organic Fruits and Vegetables.Pages 177-197. Published online: 29 Apr 2011
http://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/07352689.2011.554417
7.Williams CM. Nutritional quality of organic food: shades of grey or shades of green. Proc Nutr Soc. 2002 Feb;61(1):19-24
